Written by Pun.
Posted in พัฒนาบุคลิก-จิตใจ.
กลัวการเข้าสังคม
คอร์ส กล้าเข้าสังคม - มั่นใจในตนเอง
สำหรับ เด็ก/ผู้ใหญ่ ที่กลัวการเข้าสังคมมาก, ไม่กล้า ไม่มั่นใจ,กลัวการถูกปฏิเสธ, ขี้อาย
ถ้าเรียนไม่ได้ผล เราพร้อมคืนเงิน
สามารถเลือก เรียนออนไลน์ หรือ เรียนที่สถาบัน
ติดต่อ·LINE : @puncenter , โทร· 0891690911
กลุ่มอาการ ที่เรารับดูแลสอน เช่น
- กลัวการเข้าสังคมมาก ไม่กล้า ไม่มั่นใจ
- หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีคนมากๆ วิตกกังวลที่ต้องพูดคุยหรือทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง
- ผู้ป่วยมักจะมีมนุษย์สัมพันธ์ต่ำ ไม่มีเพื่อนเพราะไม่ชอบการพูดคุย ไม่ชอบการออกไปข้างนอก เป็นคนที่สานสัมพันธ์ต่างๆ ไม่เก่ง
- ไม่กล้าแสดงออก (ในที่ประชุมหรือหน้าชั้นเรียน) เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นพูดไม่ออก
- ผู้ป่วยจะไม่สบตากับใครในขณะที่พูดคุยกัน มักจะหลบดา พูดน้อยหรือตัดบทให้จบไวๆ
- ไม่มีความสุขในการเรียนและการทำงาน การใช้ชีวิต
สิ่งที่สอน / เป้าหมาย
- ทำให้อาการกลัวการเข้าสังคมหายไป กล้ามั่นใจมากขึ้น
- ปรับเปลี่ยนอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด และพฤติกรรม ในการเข้าสังคม ให้ดีขึ้น
- ทำให้กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม และ สามารถทำอะไรได้ด้วยด้วยตัวเอง
- ทำให้ชอบการเข้าสังคม พบปะ พูดคุย มีความสุขในการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตมากขึ้น
" การกลัวการเข้าสังคม จะทำให้คุณ “ไม่มีความสุข” ที่จะทำอะไรเลย "
ค่าเรียน 3500 บาท/เดือน
สำหรับท่านที่สนใจเรียน ระยะเวลาเรียนประมาณ 3 - 6 เดือน แต่จะเริ่มจากเรียน 2 เดือนก่อน (ค่าเรียน 3000 บาท/เดือน) แล้วจะประเมินว่าต้องใช้เวลาเรียนเท่าไหร่จึงสัมฤทธิ์ผลสมบูรณ์ ระยะเวลาการเรียน ในรายที่เป็นไม่มาก เรียนประมาณ 3 เดือน ในรายที่เป็นปานกลาง 3-4 เดือน ในรายที่เป็นมาก 5-6 เดือน
โทรสอบถาม เรื่องเรียน - คอร์สต่างๆ · 089-1690911 ·หรือ · 083-094-9242
หรือ ส่งมาที่ ·LINE ID : @puncenter (อย่าลืมใส่ @ ด้วยค่ะ)
///////////////////////////////////////////////
สัญญาณ และอาการของโรคกลัวเข้าสังคม อาการของโรคจะแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้
|
อาการแสดงทางอารมณ์และความคิด 1. รู้สึกประหม่าทุกครั้งที่ต้องพูดกับบุคคลอื่นหรืออยู่ต่อหน้าคนอื่นก็พูดไม่ออก 2. วิตกกังวลอย่างมาก ว่าคนอื่นจะวิพากษ์วิจารณ์และคิดอย่างไร กับตัวเอง 3. เครียดล่วงหน้าเป็นวันหรือสัปดาห์ เมื่อรู้ว่าต้องปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน 4. กลัวว่าตัวเองจะแสดงอาการหน้าขายหน้าออกไป 5. กลัวคนอื่นจะจับสังเกตได้ว่ากำลังรู้สึกประหม่าอยู่
อาการทางกายและพฤติกรรม อาย หน้าแดง เขินจนบิด ไม่กล้าสบตา เสียงสั่น พูดตะกุกตะกัก หายใจหอบถี่กระชั้น ใจเต้นแรง แน่นหน้าอก เหงื่อแตก หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ปั่นป่วนในท้อง บางรายถึงกับอาเจียน
พฤติกรรมที่บ่งชี้อาการ 1. ชอบปลีกตัวหลบอยู่คนเดียวบ่อย ๆ เพราะกลัวการเผชิญหน้ากับบุคคลอื่น 2. มนุษยสัมพันธ์ค่อนข้างต่ำ และรักษาความเป็นเพื่อนไว้ได้ยาก 3. ไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง ต้องมีเพื่อนอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา 4. ไม่กล้าแสดงออกขั้นรุนแรง 5. ผู้ใหญ่บางรายอาจดื่มแอลกอฮอล์ย้อมใจทุกครั้งก่อนเผชิญหน้ากับคนหมู่มาก
|
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการหวาดกลัวสังคม หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ อาการโรคหวาดกลัวสังคมคงไม่แสดงออกมาให้เห็นได้ชัดเจนนัก แต่หากได้รับการกระตุ้นจากปัจจัยภายนอกบางอย่างทำให้เกิดอาการดังกล่าวขึ้นมาได้ เช่น 1. เมื่อต้องพบเพื่อน หรือต้องทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ 2. กำลังตกเป็นเป้าสายตาถูกล้อ แซว หรือกล่าวถึง 3. ถูกจับจ้องเวลาที่ทำอะไร รู้สึกว่าโดนแอบมอง เวลาไปออกเดท 4. จำเป็นต้องพูดคุยกับใครเป็นบทสนทนาสั้น ๆ หรือเมื่อต้องเข้าสอบ หรือถูกทดสอบ 5. เมื่อต้องพูดในที่สาธารณะ แสดงบนเวที หรือหน้าชั้นเรียน ในที่ประชุม 6. เมื่อต้องพูดคุยกับคนสำคัญ หรือบุคคลที่มีอิทธิพลเหนือกว่าตัวเอง 7. เมื่อเป็นฝ่ายโทรศัพท์ หรือติดต่อผู้อื่นก่อน 8. เวลารับประทานอาหารในที่สาธารณะ เวลาไปงานปาร์ตี้
|
โรคกลัวการเข้าสังคม มีผลกระทบกับชีวิตอย่างไร ?
ผลกระทบกับชีวิตการงาน และการเรียน 1.ไม่กล้าไปสัมภาษณ์งาน ไม่กล้าแสดงออกในที่ประชุม หรือหน้าชั้นเรียน 2. มีปัญหากับการติดต่อประสานงานกับหัวหน้า หรือเพื่อนร่วมงาน 3. ลังเลที่จะตัดสินใจรับตำแหน่ง หรือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4.ไม่มีความสุขและประสิทธิภาพในการทำงาน และการเรียนถดถอย
ผลกระทบกับความสัมพันธ์ 1. มีปัญหาในการสานสัมพันธ์ รูปแบบเพื่อนหรือคนรัก คบไม่ได้นาน 2.ไม่กล้าเปิดใจรับใครเข้ามา 3.ไม่กล้าแชร์ความคิดเห็นร่วมกับบุคคลอื่น
ผลกระทบกับชีวิตประจำวัน เสียโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทำให้ไม่ได้พัฒนาตนเองอย่างที่ควรพลาดโอกาสดี ๆ ในชีวิต ขังตัวเองอยู่ในโลกส่วนตัว กลายเป็นคนโลกแคบได้
CR : Kapook , Sanook
//////////////////////////////////////
26 เหตุการณ์บ่งชี้ว่าฉันเป็นโรคกลัวการเข้าสังคม
ฉันโตขึ้นมาพร้อมกับนิสัยขี้อายและชอบเก็บตัวเงียบๆ ฉันไม่คิดอะไรจนกระทั่งอายุ 19 ปีและพบว่าตัวเองเป็นโรคกลัวการเข้าสังคม ตอนแรกฉันไม่เชื่อและคิดว่าตัวเองสามารถออกนอกบ้าน คุยกับคนอื่น และใช้ชีวิตไปเรื่อยๆก็ไม่น่าจะเป็นโรคกลัวการเข้าสังคมนะ พอรู้ว่าตัวเองเป็นโรคกลัวการเข้าสังคมฉันก็มองหาคำอธิบายเกี่ยวกับโรคนี้และอ่านเจอว่าหากคุณสามารถคุยกับคนอื่น ทำงานหรือไปเรียนหรือมีเพื่อนได้ คุณก็ไม่ได้เป็นโรคกลัวการเข้าสังคมจริงๆหรอก แต่จู่ๆฉันก็รู้สึกอ่อนแอราวกับว่าฉันกำลังฝันไป และนี่คือเหตุการณ์ที่บ่งชี้ว่าฉันกำลังเผชิญหน้ากับโรคกลัวการเข้าสังคม
-
เมื่อตอนที่ฉันอายุ 4 ขวบและเริ่มไปโรงเรียน ฉันรู้สึกว่าการมีเพื่อนเป็นเรื่องยาก ฉันไม่กล้าเข้าไปหาใครในสนามเด็กเล่นเลย
-
ตลอดช่วงเวลาในวัยเรียน ฉันกลัวการถามคำถามหรือคุยกับคุณครู ฉันได้แต่นั่งงงอยู่อย่างนั้น
-
ฉันกลัวผู้มีอำนาจทุกคน กลัวที่เข้าไปพัวพันกับเรื่องเดือดร้อน ฉันไม่เคยพูดตอนที่ครูกำลังพูดอยู่เลย แม้แต่ก้าวออกไปนอกเขตสนามยังไม่กล้าเลย
-
ตอนฉันอายุ 5 ขวบฉันไม่คุยกับครูแม้แต่คำเดียวเป็นเวลาหกเดือน ทุกครั้งที่ครูขานชื่อ ฉันก็ไม่เคยตอบ ฉันจะส่ายหน้าหรือพยักหน้าเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยนะแต่ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้
-
ตอนฉันอายุ 12 ปี ฉันต้องออกไปนำเสนอผลงานแบบปากเปล่าเป็นครั้งแรก ฉันสั่นจนควบคุมตัวเองไม่ได้ซึ่งก็เป็นคำติชมแรกที่ได้จากเพื่อนๆด้วย
-
อาการสั่นจนควบคุมตัวเองไม่ได้ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอีก 2-3 ปีและทุกครั้งที่นึกถึงการนำเสนอผลงาน ฉันก็จะรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
-
การพบปะระหว่างคุณครูกับผู้ปกครองมักจะมาพร้อมกับความเห็นที่ว่าฉันไม่ค่อยให้ความร่วมมือในชั้นเรียน
-
ฉันมีเพื่อนน้อยมาก บางทีก็ไม่มีเพื่อนเลยเพราะฉันกลัวการปฏิเสธ หลายคนบอกว่าฉันเงียบเกินไปหรือไม่ก็น่าเบื่อมาก
-
การพูดคุยทางโทรศัพท์หมายถึงฉันต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการวางแผนว่าจะคุยอะไรบ้าง ฉันจึงเลือกที่จะไม่โทรเลย
-
ฉันมักจะซ้อมพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนที่จะสั่งอาหารในร้าน
-
จากนั้นฉันก็จะตกใจมากหากเขาขอรายละเอียดเพิ่มเติม
-
ฉันชอบกังวลว่ามีคนแปลกหน้ากำลังจ้องและตัดสินฉันอยู่
-
เมื่อเพื่อนๆทำกิจกรรมโดยที่ไม่มีฉัน ฉันก็จะคิดว่าพวกเขาเกลียดฉันและกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่
-
และทุกครั้งที่ฉันเห็นเพื่อนๆคุยกันโดยที่ไม่มีฉัน ฉันก็จะรู้สึกแบบเดียวกัน
-
ทุกครั้งที่มีใครแจ้งยกเลิกงานหรืออะไรก็ตาม ฉันก็จะทึกทักว่าพวกเขาไม่อยากอยู่ใกล้ๆฉัน
-
ถ้าฉันบังเอิญได้ยินใครพูดชื่อฉัน ฉันก็จะคิดว่าพวกเขากำลังพูดถึงความเลวร้ายของฉัน
-
ฉันต้องระวังคำพูดและความคิดเห็นของตัวเองเนื่องจากกลัวว่าจะถูกคนอื่นตัดสิน ทางที่ดีฉันจะอยู่เงียบๆและเออออห่อหมกไป
-
การวางแผนบทสนทนาล่วงหน้าเป็นงานที่น่ากลัวมาก
-
และทุกอย่างก็ไม่เคยเป็นไปตามแผนเลย
-
เมื่อต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการวิเคราะห์บทสนทนา ฉันมักจะคิดถึงทุกอย่างที่ฉันควรทำแตกต่างไปจากนี้
-
จากนั้นฉันก็จะนอนจมกองน้ำตาอยู่บนเตียงและเกลียดตัวเองที่ไม่ยอมพูดออกไป
-
ฉันจะรู้สึกเครียดเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่รู้จักและไม่กล้าพูดอะไรออกมาเลย
-
จากนั้นฉันก็จะมั่นใจว่าพวกเขาต้องเกลียดฉันเพราะว่าฉันเงียบเกินไป
-
การที่อีกฝ่ายส่งข้อความตอบกลับช้ามากทำให้ฉันคิดว่าเขาไม่อยากคุยกับฉันแล้วหรือไม่ก็มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น
-
การเริ่มเข้าสู่กระบวนการบำบัดและการพูดคุยกับคนแปลกหน้าทำให้ฉันร้องไห้ไม่หยุดติดต่อกันหลายวัน
-
ฉันกลัวว่าทุกคนจะเกลียดฉันและไม่อยากคุยกับฉัน
หากมีเหตุการณ์บ่งชี้ข้อไหนที่คล้ายกับประสบการณ์ของคุณ จงรู้ไว้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกและคุณก็ไม่จำเป็นต้องทนอยู่ในสภาพนั้น คุณสามารถขอรับความช่วยเหลือและในไม่ช้าอาการของคุณก็จะดีขึ้น
Blogger : Vania C.
Source : themighty.com
|